จ่ายค่างวดรถล่วงหน้า ชำระค่างวดเกินจำนวนดีไหม?

แน่นอนว่าเดือนใดที่เรามีเงินเหลือใช้มากกว่าปกติก็อยากที่จะนำไปจ่ายค่างวดรถเพิ่มจากยอดขั้นต่ำที่ต้องจ่าย เพราะกลัวว่าหากเก็บเงินไปกับตัวแล้วจะเผลอนำเงินไปใช้จ่ายกับเรื่องอื่นหมดซะก่อน แต่การจ่ายโปะเพิ่มหรือจ่ายค่ารถเกินจำนวน หรือแม้แต่การจ่ายค่างวดรถเร็วก่อนกำหนดเวลา จะมีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง ลองมาดูกัน

จ่ายค่างวดรถล่วงหน้า จ่ายเร็วก่อนกำหนดได้ไหม?

       คำตอบคือ 1.สำหรับค่างวดรถกรณีที่มีการคิดอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ (Flat Rate) การจ่ายล่วงหน้าก่อนกำหนดเวลา สามารถทำได้ และมักไม่ค่อยมีปัญหาอะไร แต่สำหรับ 2.กรณีการผ่อนรถที่คิดอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก (Effective Rate) นั้น บางครั้งการจ่ายล่วงหน้าเร็วเกินไป ไฟแนนซ์อาจคิดว่า เราจ่ายโปะเพิ่มเพื่อลดต้นลดดอก ไม่ได้เป็นการจ่ายค่างวดตามปกติของเดือนนั้น ดังนั้น พอถึงวันกำหนดเวลาที่ต้องจ่ายจริงๆ แล้วเราไม่ได้จ่ายเข้ามา (เพราะคิดว่าจ่ายล่วงหน้าไปแล้ว) ก็จะถูกไฟแนนซ์มองว่า เรายังไม่ได้ชำระค่างวดรถในเดือนนั้นเข้ามา ทำให้เกิดการค้างค่างวดรถของเดือนนั้นๆ ได้

       ทางทีดีแนะนำว่า การจ่ายค่างวดรถล่วงหน้าหรือเร็วก่อนเวลานั้นสามารถทำได้ แต่ไม่ควรจ่ายล่วงหน้าเร็วไปนัก กล่าวคือ จ่ายก่อนกำหนดเวลาสัก 3-7 วัน ก็เพียงพอแล้ว ยกตัวอย่างเช่น หากกำหนดชำระทุกวันที่ 6 ของเดือน เราควรจ่ายในช่วงวันที่ 1-6 ของทุกเดือน จะดีกว่าการจ่ายล่วงหน้าที่เร็วเกินไป ยกเว้นแต่ว่า เราต้องการจ่ายโปะเพิ่มล่วงหน้าและจ่ายซ้ำอีกครั้งเมื่อถึงกำหนดวันที่ต้องชำระ แบบนี้ทำได้ไม่มีปัญหาอะไร

จ่ายค่างวดรถเกินจำนวนได้ไหม มีผลอย่างไรบ้าง

        คำตอบคือ สำหรับผู้ที่ต้องการจ่ายค่างวดเกินจำนวนกว่ายอดขั้นต่ำหรือจ่ายค่างวดรถมากกว่า 1 ครั้ง ต่อเดือน ก็สามารถทำได้ แต่จะเหมาะกับกรณีการผ่อนรถที่มีการคิดอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก (Effective Rate) เพราะยิ่งจ่ายค่างวดรถต่อเดือนมากเท่าไร เงินส่วนนั้นก็จะถูกนำไปตัดยอดเงินกู้จากสินเชื่อรถที่เราขอกู้ไป จึงส่งผลให้ดอกเบี้ยรวมที่ต้องจ่ายเมื่อครบสัญญาลดลงไปด้วย เรียกได้ว่า ยิ่งโปะมากหนี้ยิ่งหมดเร็วและเสียดอกเบี้ยน้อยลงด้วย

        แต่หากเป็นกรณีที่มีการคิดอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ (Flat Rate) ซึ่งมีค่างวดและดอกเบี้ยตายตัวเท่ากันทุกเดือนตลอดอายุสัญญา การจ่ายโปะเพิ่มหรือการจ่ายค่างวดรถมากกว่า 1 ครั้งต่อเดือนจะเกิดประโยชน์น้อยเพราะไม่ได้ทำให้ดอกเบี้ยลดลงแต่อย่างใด ไม่มีผลใดๆ ต่อยอดหนี้รวมที่ต้องจ่าย แต่จะมีข้อดีก็ตรงที่ช่วยลดระยะเวลาผ่อนรถให้สั้นลง กล่าวคือ ทำให้ผ่อนรถได้หมดเร็วขึ้น เช่น ต้องผ่อนทั้งหมด 40 งวด ก็ลดเหลือ 38 งวด เป็นต้น

       แต่ทางที่ดีแนะนำว่า กรณีจัดไฟแนนซ์แบบอัตราดอกเบี้ยคงที่ ให้เราชำระค่างวดไปตามปกติโดยไม่จำเป็นต้องโปะเพิ่ม แล้วเก็บสะสมเงินก้อนไว้กับตัวก่อน เมื่อถึงเวลาที่เราสามารถปิดบัญชียอดหนี้ที่เหลือทั้งหมดได้ ค่อยจ่ายแบบปิดบัญชีไปในคราวเดียวจะได้ประโยชน์กว่า เพราะจะทำให้ได้ส่วนลดดอกเบี้ย 50% ของดอกเบี้ยคงเหลือ อาจเซฟเงินได้สูงถึงหลักหมื่นบาทเลยทีเดียว