ช่วงนี้ราคาทองพุ่งสูงปรี๊ด หลายคนที่กำลังจะซื้อจะขายทองคำ ต้องดูให้ดีว่าเป็นทองคำแท้หรือทองคำปลอม วันนี้แอดมินมีวิธีตรวจสอบและสังเกตทองคำปลอมด้วยตนเอง มาฝากกัน
ก่อนอื่น เรามาทำความรู้จักทองคำประเภทต่างๆ กันก่อน ได้แก่
ทองคำแท้
ทองคำแท้ หมายถึง ทองคำที่มีเปอร์เซ็นต์ความบริสุทธิ์สูง ได้แก่ ทองคำ 96.5% (23k) และ 99.9% (24k) เป็นต้น
ทองคำเปอร์เซ็นต์ต่ำ
ทองคำเปอร์เซ็นต์ต่ำ หรือที่รู้จักกันในชื่อ ทองเค ทองเขียว หมายถึง ทองที่มีเปอร์เซ็นต์ความบริสุทธิ์ต่ำกว่า 96.5% ลงไป หรือมีธาตุอื่น ๆ ผสมเกินกว่า 3.5% สามารถนำไปขายหรือจำนำที่ร้านทองได้เช่นกันแต่ราคาจะต่ำกว่าทองคำแท้ (อาจมีกรณีที่ทองมีความบริสุทธิ์ต่ำเกินไปจนร้านไม่รับซื้อเช่นเดียวกัน)
ทองคำปลอม
ทองคำปลอม หมายถึง ทองที่ไม่ได้มีส่วนผสมของทองคำแท้อยู่เลย โดยอาจใช้โลหะอื่นๆ ชุบทองแค่เพียงภายนอกเท่านั้น ภายในอาจเป็นทองเหลืองหรืออลูมิเนียม
10 วิธีตรวจสอบทองคำแท้กับทองคำปลอม
1.น้ำหนักของทองคำ
ถ้าเป็นทองคำแท้ ไม่ว่าจะเส้นเล็กหรือเส้นใหญ่ น้ำหนักจะเท่ากันเสมอ เช่น สร้อยคอทองคำรูปพรรณน้ำหนัก 1 บาท จะหนัก 15.16 กรัม ถ้าชั่งสร้อยทอง 1 บาท แต่น้ำหนักทองคำออกมาเป็น 20 กรัม แสดงว่า ไม่ใช่ทองคำแท้ ดังนั้น เวลาซื้อขายทองทุกครั้งต้องชั่งดูน้ำหนักทองทุกครั้ง โดยมาตรฐานน้ำหนักทองคำความบริสุทธิ์ 96.5% (23k) จากสมาคมค้าทองคำ มีค่าดังนี้
น้ำหนักทองคำรูปพรรณ
ทอง 1 สลึง หนักเท่ากับ 3.79 กรัม
ทอง 2 สลึง หนักเท่ากับ 7.58 กรัม
ทอง 3 สลึง หนักเท่ากับ 11.37 กรัม
ทอง 1 บาท หนักเท่ากับ 15.16 กรัม (ทอง 1 บาท จะเท่ากับ 4 สลึง)
ทอง 2 บาท หนักเท่ากับ 2×15.16 = 30.32 กรัม
น้ำหนักทองคำแท่ง
ทองคำแท่ง 1 สลึง น้ำหนัก 3.811 กรัม
ทองคำแท่ง 2 สลึง น้ำหนัก 7.622 กรัม
ทองคำแท่ง 3 สลึง น้ำหนัก 11.433 กรัม
ทองคำแท่ง 1 บาท น้ำหนัก 15.244 กรัม
ทองคำแท่ง 2 บาท น้ำหนัก 30.488 กรัม
2.ดูตราประทับ
จากการควบคุมมาตรฐานโดยสมาคมค้าทองคำ ทำให้ปกติแล้วทองคำแท้จะมีการตีตราของร้าน (ยี่ห้อหรือโลโกร้าน) หรือแหล่งผลิตเอาไว้อย่างชัดเจนเพื่อเป็นการการันตีแหล่งที่มา สังเกตจากการดูตามข้อหรือห่วงของทอง รวมไปถึงการแจ้งตัวเลขบอกความบริสุทธิ์ของทองเอาไว้ด้วย เช่น 14k 18k 22k 24k หรือแสดงเป็นเปอร์เซ็นต์ เช่น 70% 80% 90% เป็นต้น
เนื่องจากทองคำแท้จะมีคุณสมบัติค่อนข้างนิ่มจึงทำให้สามารถปั๊มตราประทับลงไปได้ จึงทำให้เป็นการยากที่จะทำการเลียนแบบในจุดนี้ หากสัญลักษณ์เหล่านี้มีความไม่ชัดเจนหรือเบลอ แนะนำให้หลีกเลี่ยงเอาไว้ก่อน เพราะอาจเป็นของปลอมที่ทำเลียนแบบตราขึ้นมาได้
3. ดูขนาดของทอง
สังเกตดูความสมเหตสมผลของน้ำหนักและขนาดทอง ให้สังเกตว่าทองคำหนัก 1 บาท หรือ 2 บาทนั้น ควรมีขนาดแค่ไหน น้ำหนักกับขนาดต้องสอดคล้องกัน ถ้าบอกว่าทองหนัก 1 บาทแต่มีขนาดใหญ่มากก็ให้ระวังไว้เลยว่าอาจเป็นทองปลอมก็เป็นได้
4. แม่เหล็ก
ทองคำแท้นั้นจะไม่ถูกแม่เหล็กดูดจนติดอย่างแน่นอน หากมีการขยับหรือถูกแม่เหล็กดูดจนติด แปลว่าเป็นทองปลอม ภายในทองชิ้นนั้นอาจมีโลหะอื่นๆ สอดไส้ไว้ด้านในอย่างแน่นอน
5.ตรวจสอบรอยที่ข้อต่อ
ลองสังเกตตามรอยต่อหรือจุดที่เสียดสีกัน ถ้าเป็นทองคำแท้ จะไม่มีรอยถลอก รอยลอก หรือเปลี่ยนสีแต่อย่างใด ทองแท้จะมีสีทองโดยธรรมชาติ แต่ถ้าเป็นทองคำปลอมจะมีความเป็นขุยหรือหลุดลอก ถลอก เปลี่ยนสี
6.ใช้น้ำกรดไนตริก
ทองคำแท้เมื่อหยดด้วยกรดไนตริก จะไม่เปลี่ยนสี และไม่ละลาย ไม่เกิดรอยแหว่ง แต่ถ้าเป็นทองปลอมจะเกิดรอยแหว่งชัดเจน วิธีนี้อาจจะต้องไปทดสอบทำที่ร้านทองเพราะกรดไนตริกไม่สามารถหาซื้อได้ทั่วไป
7.ใช้เล็บจิกหรือทดลองกัดที่เนื้อทอง
ทองคำแท้นั้นจะนิ่ม มีความอ่อนตัวสูง ทำให้เกิดรอยบุบได้ค่อนข้างง่าย เพียงแค่ใช้เล็บจิกหรือลองกัดเบา ๆที่เนื้อทอง ถ้ามีการยุบตัวลงของทองคำแสดงว่ามีโอกาสเป็นทองคำแท้ แต่ว่าวิธีนี้อาจทำให้ทองคำเสียรูปไปบ้างจึงแนะนำว่าให้ทดสอบวิธีอื่นๆ ก่อนจะดีที่สุด
8. โยนลงบนกระจก
ทองคำเป็นโลหะที่มีเนื้อนุ่ม ไม่แข็งเหมือนเหล็กหรือทองแดง ถ้าโยนไปกระทบกับกระจกจะได้ยินเสียงกระทบกันแบบนุ่มๆ ไม่มีเสียงแหลม ไม่ดัง แต่ถ้าเป็นทองปลอมเสียงจะดัง “แก๊งๆ” หรือเสียงแหลมอย่างชัดเจน
9. เผาไฟ
ทองแท้ไม่กลัวไฟ โดยหากนำทองไปเผาไฟแล้วกลับสู่สีทองเหมือนวันแรกที่ซื้อมาแสดงว่าเป็นของแท้แน่นอน ส่วนทองปลอมนั้นเมื่อถูกเผาไฟจะกลายเป็นสีดำ
10.ให้ผู้เชี่ยวชาญทำการประเมิน
ปรึกษาผู้ประเมินราคามืออาชีพหรือผู้ค้าอัญมณีที่มีประวัติมีชื่อเสียงดี เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้มีความรู้และอุปกรณ์ในการตรวจสอบความถูกต้องของทองคำได้อย่างแม่นยำ
ทั้งหมดนี้เป็นวิธีการเช็กทองคำปลอมเบื้องต้นที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง หรือถ้าต้องการเช็กให้มั่นใจ แอดมินแนะนำให้นำทองไปทดสอบที่ร้านทองที่ได้มาตรฐานเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการทดสอบด้วยตัวเองนั่นเอง