หลายคนสงสัยว่า ค่ากำเหน็จและค่าบล็อกของทองคำ คือค่าอะไร? ทำไมต้องจ่ายทุกครั้งที่ซื้อทอง มาดูคำตอบกัน
ค่ากำเหน็จ คือ ค่าแรงหรือค่าจ้างช่างทำทอง โดยจะคิดราคาตามความยากง่ายในการทำลวดลายทอง และคิดราคาต่อชิ้น ซึ่งค่าแรงมี 2 แบบ คือ
1. ค่ากำเหน็จทองรูปพรรณ
ค่ากำเหน็จทองรูปพรรณ คือ ค่าแรงหรือค่าจ้างในการนำทองแท่งมาแปรสภาพให้กลายมาเป็นทองรูปพรรณในรูปทรงแบบต่างๆ อย่าง แหวนทอง สร้อยคอ สร้อยข้อมือ กำไล จี้ทอง ต่างหู ฯลฯ จะมีค่าแรงหลากหลายระดับ ขึ้นอยู่กับลวดลายทองและความยากง่ายที่ทำ
โดยมาตรฐานค่ากำเหน็จทองรูปพรรณ 1 บาท จะอยู่ประมาณบาทละ 500-800 บาท หากเป็นลายยากๆ รายละเอียดซับซ้อน ก็อาจจะอยู่ที่ประมาณบาทละ 1000-3000 บาท เลยที่เดียว ขึ้นอยู่กับร้านค้าทองแต่ละร้านจะเป็นผู้กำหนด
- ราคาทองครึ่งสลึง 4,225 บาท +ค่ากำเหน็จ 500 บาท รวมราคาค่ากำเหน็จ 4,725 บาท
- ราคาทอง 1 สลึง 8,450 บาท +ค่ากำเหน็จ 500 บาท รวมราคาค่ากำเหน็จ 8,950 บาท
- ราคาทอง 2 สลึง ราคา 16,900 บาท +ค่ากำเหน็จ 500 บาท รวมราคาค่ากำเหน็จ 17,400 บาท
- ราคาทอง 1 บาท ราคา 33,800 บาท +ค่ากำเหน็จ 500 บาท รวมค่าราคากำเหน็จ 34,300 บาท
2. ค่าบล็อค (หรือค่ากำเหน็จทองคำแท่ง)
ค่ากำเหน็จทองคำแท่ง (เรียกอีกชื่อว่า “ค่าบล็อค” หรือ “ค่าพรีเมี่ยม”) คือ ค่าแรงจากการนำทองมาหลอมจนละลาย แล้วเทลงไปในบล็อกให้ได้รูปร่างเป็นแท่งบล็อกสี่เหลี่ยม หรือทองคำแท่ง นั่นเอง ส่วนใหญ่จะมีราคาถูกกว่าค่ากำเหน็จทองรูปพรรณ เนื่องจากผลิตง่าย ไม่ยุ่งยากซับซ้อน
โดยมาตรฐานค่ากำเหน็จทองคำแท่ง 1 บาท จะอยู่ที่ประมาณบาทละ 100-400 บาท แต่หากทองแท่งนั้นเป็นลวดลายพิเศษก็อาจจะมีค่าแรงสูงกว่านี้ได้ บางที่อาจไม่ต้องจ่ายค่าบล็อคหากซื้อทองแท่งขนาดตั้งแต่ 5 บาทขึ้นไป
ข้อน่ารู้เกี่ยวกับค่ากำเหน็จ
- เวลาซื้อทองเราต้องเสียค่ากำเหน็จ แต่เวลาขายทองคืนร้านทอง ร้านทองจะคิดเฉพาะราคาทองตามน้ำหนักทองเท่านั้น ไม่ได้นำค่ากำเหน็จมาคิดราคาคืนให้
- ราคารับซื้อคืนทองคำแต่ละร้านทองอาจให้ราคาไม่เท่ากันได้ ขึ้นอยู่กับต้นทุนการบริหารจัดการของแต่ละร้านหรือแต่ละท้องที่